whole in one golf blog

Monday, March 31, 2008

ประวัติกอล์ฟ อุปกรณ์ การดู กติกา


ประวัติกีฬากอล์ฟ

กอล์ฟ เป็นกีฬาที่เล่นในยามว่าง และแข่งขันกันทั้งระดับสมัครเล่นและระดับอาชีพ เป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ในความนิยมระดับโลก ผู้เล่นจะมีไม้หลายอันเป็นชุด แต่จะต้องไม่เกิน 14 อัน ใช้ตีลูกเล็กๆ จบกันเป็นหลุมต่อเนื่องกันไป อาจจะ 9 หรือ 18 หลุมตามแต่กำหนด โดยนับการตีจำนวนครั้งน้อยที่สุดจะดีที่สุด สนามต่างๆ ที่ใช้เล่นได้รับการออกแบบมาให้มีระยะทาง อุปสรรคต่างๆ ในแต่ละหลุมเช่นอุปสรรคน้ำ บังเกอร์ทราย ต้นไม้ ความลาดเทของสนามและกรีน เป็นต้น เพื่อให้มีความยากง่ายและความท้าทายในการเล่น

มีหลายประเทศอ้างว่าเป็นประเทศต้น กำเนิดกีฬากอล์ฟ เช่นประเทศเยอรมันนี ในศตวรรษที่ 14 เจ้าของฝูงแกะซึ่งจ่ายภาษีให้กับขุนนางเจ้าของที่ดิน ได้รับสิทธิ์ใช้ผืนที่ดินเลี้ยงแกะโดยขุนนางให้ใช้ไม้ที่ปลายตาขอสำหรับ เกี่ยวคอแกะ ตีก้อนหินลูกกลมๆ ตามจำนวนครั้งเป็นเท่ากับจำนวนแกะที่เลี้ยงไว้ ขนาดผืนดินใช้เลี้ยงแกะเท่ากับความกว้างยาวที่เจ้าของฝูงแกะตีได้ อีกทฤษฎีหนึ่งของจุดเริ่มต้นกีฬากอล์ฟ มาจากชาวประมงชาวสกอตที่กลับจากการหาปลา เวลาเดินผ่านทุ่งหญ้าก็เอากิ่งไม้เดินหวดลูกหินไปตามทาง และเมื่อหวดไปครั้งหนึ่งก็ลองหวดต่อไปเรื่อยๆ ดูว่าจะตีไปได้ไกลกว่าลูกแรกหรือไม่ เมื่อลูกหินหล่นลงไปในบ่อหรือแอ่งดินที่แกะใช้เป็นที่หลบภัยธรรมชาติ ชาวประมงก็ต้องใช้ความสามารถที่จะตีให้ลูกหินออกมาได้จนกว่าจะเดินถึงบ้าน บ่อนั้นก็ได้พัฒนามาเป็นบังเกอร์ทราย เมื่อลูกกอล์ฟตกลงไปในโพรงที่กระต่ายขุดไว้ก็เท่ากับเป็นการค้นคิดวิธีการ เล่นกอล์ฟขึ้นมาในตัวเองว่าเกมส์จะจบลงเมื่อลูกลงหลุม

เป็นที่ยอมรับกันว่ากีฬากอล์ฟหรือกีฬาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ได้เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่ยังไม่มีหลักฐานอ้างอิงได้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ริเริ่มขึ้นเมื่อใด ได้มีการค้นคว้าหาจุดเริ่มต้นย้อนอดีตไปจนถึงยุคจักกรวรรดิ์โรมันซึ่งมีการ เล่นเกมส์ที่เรียกว่า พากานิก้า (Paganica) บ้างก็อ้างว่ากีฬากอล์ฟพัฒนามาจากการเล่น ชูเดอมาล (Jeu de mail) ของชาวฝรั่งเศส หรือ โคลเวน (Kolven) ของชาวฮอลแลนด์ นอกจากนั้นก็ยังมีเกมส์อื่นๆ ซึ่งเล่นกันในหมู่ขุนนางอังกฤษ และจักรพรรดิ์โรมันเล่นในยามว่าง เป็นเกมส์ที่ยืนด้านข้าง ใช้ไม้ตีลูกที่มีเปลือกทำจากหนังวัวบางๆ เย็บติดกันและยัดไส่ด้วยขนห่าน และลูกที่ใช้ตีในบางเกมเป็นแกนไม้เนื้อแข็ง นำมาขัดเป็นก้อนกลมๆ และบางเกมในทวีปยุโรปสมัยก่อน เล่นกันเป็นทีมโดยฝ่ายหนึ่งตีลูกสามครั้งให้โดนเป้าตามระยะที่กำหนด ส่วนฝ่ายตรงข้ามต้องพยายามตีลูกหนึ่งครั้งกลับไปอยู่ในที่ที่เป็นอุปสรรค

ระยะเวลาหกร้อยปีที่ผ่าน มา เกมส์ต่างๆ ในทวีปยุโรปได้พัฒนาจนเข้าสู่ยุคของสกอตแลนด์ซึ่งได้อ้างอย่างหนักแน่นตาม หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดกีฬากอล์ฟ ในกลางศตวรรษที่ 15 ในช่วงที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ กีฬากอล์ฟได้เล่นกันในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่สองแห่งราชวงศ์สกอตจากการทำศึกต่อ สู้กับอั งกฤษในสมัยนั้น ทางสกอตแลนด์มีบันทึกที่กล่าวไว้ว่า ทางรัฐสภาสกอตได้มีการให้ยกเลิกการเล่นกอล์ฟไปหลายปี เนื่องจากพลธนูและนายทหารไม่ไปซ้อมยิงธนู แต่ได้หันไปติดเล่นกอล์ฟ และ 40 ต่อมาได้มีการสงบศึกกับอังกฤษ พระเจ้าเจมส์ที่สี่ก็รีบยกเลิกกฎหมายห้ามการเล่นกอล์ฟตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในศตวรรษที่ 16 กีฬากอล์ฟถือได้ว่าเป็นกีฬาที่เล่นอย่างแพร่หลายในฝั่งตะวันตกของประเทศ สกอตแลนด์

กลางศตวรรษที่ 18 กลุ่มนักกอล์ฟชายในสกอตแลนด์ได้ก่อตั้งสมาคมกอล์ฟขึ้น โดยกำหนดกฎข้อบังคับที่ใช้ในการเล่นกอล์ฟ ต่อมาก็ได้ก่อตั้งสโมสรเดอะรอแยลแอนด์เอนเชียนกอล์ฟคลับออฟเซนต์แอนดรูวส์ (The Royal and Ancient Golf of Saint Anderws ใช้ชื่อย่อว่า R&A) ซึ่งเป็นสมาคมกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุด เพื่อกำหนดและแก้ไขกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 20 สมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Golf Association ใช้ชื่อย่อว่า USGA) ได้เข้ามาร่วมวินิจฉัยแก้ไขเพิ่มเติมกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น กีฬากอล์ฟได้เริ่มเล่นในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และนิยมเล่นกันแพร่หลายไปทั่วโลกตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20

อย่างไรก็ตามผู้ที่ บุกเบิกกีฬากอล์ฟแพร่หลายคือชาวสกอตและพัฒนาการเล่นจากทุ่งหญ้าชายฝั่งทะเล ไปที่ต่างๆ ทั่วโลกที่ชาวสกอตไปตั้งรกรากถิ่นฐานทำมาหากิน ด้วยความหลงไหลในกีฬากอล์ฟทำให้ชาวสกอตนำไปเผยแพร่และสอนให้ชาติอื่นๆ ได้เรียนรู้วิธีการเล่น รวมทั้งการวางกฎข้อบังคับที่ใช้ในการเล่นมาจนถึงทุกวันนี้

เเนะนำอุปกรณ์กอล์ฟ

การนำอุปกรณ์ใดๆ เช่น ไม้กอล์ฟ และลูกกอล์ฟเข้าไปเล่น จะต้องเป็นตามกฎข้อบังคับที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในหนังสือกฎข้อบังคับและ มารยาท จำนวนไม้กอล์ฟที่นำมาใช้เล่นโดยไม่จำกัดว่าจะเป็นไม้หรือเหล็กเบอร์ใด จะต้องมีจำนวนไม่เกิน 14 อัน ไม้หรือเหล็กแต่ละเบอร์ใช้ตีตามระยะที่ต้องการแตกต่างกันไป
ไม้กอล์ฟที่ใช้เล่นส่วนใหญ่มีหัวไม้ (ปัจจุบันได้ผลิตออกมาหัวโลหะ) เบอร์ 1, 3, 4, 5 และ 7 เป็นต้น

ส่วนไม้ที่มีหัวเป็นเหล็กอาจใช้ ตั้งแต่ เบอร์ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 มีมุมองศาของหน้าเหล็ก และตีได้ตามระยะทางต่างกัน รวมไปถึงไม้เว็ดจ์ (wedge) เช่น พิชชิ่งเว็ดจ์และแซนด์เว็ดจ์ซึ่งใช้เล่นในสถานการณ์และทำเลที่ลูกอยู่แตก ต่างกัน คือการเล่นลูกเข้าสู่กรีนระยะใกล้ หรือเล่นลูกบริเวณที่มีหญ้ายาวและในบ่อทราย เป็นต้น

การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ จะมีกำหนดให้ไว้ตามระยะ หรือตามความใกล้ไกลของการตีลูก เช่น

หัวไม้ 1 ตีได้ไกลที่สุด
หัวไม้ 3 และ 5 ตีได้ลดหลั่นลงมา
เหล็ก 3 ตีได้ระยะ 170 หลา
เหล็ก 4 ตีได้ระยะ 160 หลา
เหล็ก 5 ตีได้ระยะ 150 หลา
เหล็ก 6 ตีได้ระยะ 140 หลา
เหล็ก 7 ตีได้ระยะ 130 หลา
เหล็ก 8 ตีได้ระยะ 120 หลา
เหล็ก 9 ตีได้ระยะ 110 หลา
เหล็ก 8 พิชชิ่งเว็ดจ์ ตีได้ระยะ 100 หลา
เหล็ก S แซนด์เว็ดจ์ ใช้ตีจากบ่อทราย ระยะไม่เกิน 80 หลา

หมายเหตุ แท่นทีออฟ จะมีหลายระยะ เช่น แท่นของโปร-ของชายทั่วไป-ของสุภาพสตรี-เยาวชน

แนะนำการดูกอล์ฟ

กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาสากลที่ทั่วโลกนิยมเล่น กันอย่างแพร่หลายรวมถึงประเทศไทยซึ่งในปัจจุบันได้มีสนามกอล์ฟที่สวยงามและ มีมาตรฐานเกิดขึ้นหลายแห่ง อีกทั้งยังได้มีผู้ที่ได้ให้ความสนใจ และหันมาเล่นกอล์ฟเพิ่มขึ้นทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกันกับในประเทศอื่นๆ กอล์ฟเป็นกีฬาที่เล่นในยามว่างเป็นกีฬาที่ยืนด้วนข้างแล้วใช้ไม้กอล์ฟตีลูก จากเขตตั้งทีต่อเนื่องกันไปจนกระทั่งลูกลงหลุม และจะต้องใช้เวลาเผื่อไว้ในการเล่นซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 3-4 ชั่วโมงต่อการเล่นรอบตำนวน 18 หลุม หรืออาจจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น หากต้องการโดยลดจำนวนหลุมที่เล่นลงไปเหลือ 9 หลุม

สนามกอล์ฟ

สนามกอล์ฟประกอบด้วยจำนวนหลุม 18 หลุม การเล่นหนึ่งหลุมนับตั้งแต่ตีลูกจากเขตตั้งทีของหลุมนั้นต่อเนื่องไปจน กระทั่งลูกลงหลุมเรียกได้ว่าเล่นจบไปแล้วหนึ่งหลุม ในแต่ละหลุมจะมีความยากง่ายแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบมาให้เล่น นอกจากนั้นยังมีส่วนประกอบอื่นๆ มากมาย เช่นระยะความยาวและความสั้นของแต่ลหลุม อุปสรรคน้ำ บ่อบังเกอร์ทราย เป็นต้น เพื่อที่จะทำให้การเล่นท้าทายขึ้น สำหรับสนามมาตรฐานจะมีจำนวนหลุม 18 หลุมหรือมากกว่านั้น อาจจะมีจำนวนถึง 36 หลุม (เท่ากับ 4 รอบๆ ละ 9 หลุม) โดยใช้จำนวน 9 หลุมของแต่ละรอบมารวมกันให้ครบในการแข่งขันต่อรอบที่กำหนดเท่ากับ 18 หลุม

หลุมแต่ละหลุมมีกำหนดมาตรฐาน (Par-พาร์) ของจำนวนครั้งที่ตี ถ้าผู้เล่นตีได้จะเท่ากับจำนวนแต้มที่ตีได้ตามมาตรฐาน (par-พาร์) ของหลุมนั้นวิธีการนับแต้มที่ตีได้ทั้งหมด

-หลุมที่ระบุว่าเป็นหลุมพาร์ 3 (Par 3) โดยทั่วไปมีความยาวไม่เกิน 250 หลา ถ้าผู้เล่นตีตั้งแต่เขตตั้งทีจนกระทั่งลูกลงหลุมในจำนวนตี 3 ครั้งก็เท่ากับว่ามีความสามารถที่ตีได้เท่ากับแต้มมาตรฐานของหลุมนี้ เรียกว่าทำพาร์ได้

-หลุมที่ระบุว่าเป็นหลุมพาร์ 4 (par 4) มีความยาวตั้งแต่ 251 หลาถึง 499 หลา ถ้าผู้เล่นตีตั้งแต่เขตตั้งทีจนกระทั่งลูกลงหลุมในจำนวนตี 4 ครั้งก็เท่ากับว่ามีความสามารถที่ตีได้เท่ากับแต้มมาตรฐานของหลุมนี้ เรียกว่าทำพาร์ได้

-หลุม ที่ระบุว่าเป็นหลุมพาร์ 5 (par 5) มีความยาว 500 หลาขึ้นไป ถ้าผู้เล่นตีตั้งแต่เขตตั้งทีจนกระทั่งลูกลงหลุมในจำนวนตี 5 ครั้งเท่ากับว่ามีความสามารถที่ตีได้เท่ากับแต้มมาตรฐานของหลุมนี้ เรียกว่าทำพาร์ได้

แต้มรวมของ 18 หลุมที่ต่ำที่สุดถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถที่ดีกว่า ยกเว้นการแข่งขันบางประเภท

ชื่อที่ใช้เรียกตามจำนวนแต้มที่ตีได้ของ แต่ละหลุม ตัวเลขคือจำนวนแต้มรวมของจำนวนครั้งที่ตี โดยเริ่มที่ พาร์ของหลุม (แต้มมาตรฐาน) มีดังนี้

ดับเบิ้ลอีเกิ้ล
หรืออัลบาทรอส อีเกิ้ล เบอร์ดี้ พาร์ของหลุม โบกี้ ดับเบิ้ลโบกี้ ทริบเพิ้ลโบกี้
1 2 3 4 5 6
1 2 3 4 5 6 7
2 3 4 5 6 7 8

หมายเหตุ : หลุมพาร์สามที่ตีครั้งเดียวลงหลุม มีชื่อเฉพาะเรียกว่าโฮลอินวัน

พาร์ของสนามที่มี 18 หลุม ส่วนใหญ่มีแต้มมาตรฐานรวมเท่ากับ 72 บางสนามมีแต้มมาตรฐานรวมของสนามเท่ากับ 70 หรือ 71 ขึ้นอยู่กับจำนวนหลุมที่เป็นพาร์ 3 พาร์ 4 และพาร์ 5 ยกตัวอย่างเช่น สนามที่มีพาร์ของสนามเท่ากับ 72 จะมี

-หลุมที่เป็นพาร์ 3 สี่หลุม มีแต้มมาตรฐานหลุมละสามแต้ม เท่ากับ 12 แต้ม
-หลุมที่เป็นพาร์ 4 สิบหลุม มีแต้มมาตรฐานหลุมละสี่แต้ม เท่ากับ 40 แต้ม
-หลุมที่เป็นพาร์ 5 สี่หลุม มีแต้มมาตรฐานหลุมละห้า เท่ากับ 20 แต้ม

รวมแต้มมาตรฐานของสนาม (Par of the coourse-พาร์ออฟเดอะคอร์ส) เท่ากับ 72 แต้ม สนามที่มีแต้มมาตรฐานรวม 71 หรือ 70 คณะกรรมการจัดการแข่งขันอาจจะใช้การปรับลดหลุมที่เป็นพาร์ 5 ลงไปเป็นหลุมพาร์ 4 จำนวนหนึ่งหรือสองหลุม

คำที่ใช้เรียกแต้มรวมทั้งหมดที่ตีได้สำหรับสนามที่มีแต้มมาตรฐานรวมเท่ากับ 72
-ถ้าผู้เล่นนตีได้ 72 แต้ม เรียกว่า สแควร์พาร์ (square par)
-ถ้าผู้เล่นนตีได้ ต่ำกว่า 72 แต้ม เรียกว่า อันเดอร์พาร์ (under par) หรือ
-ถ้าผู้เล่นนตีได้ เกิน 72 แต้ม เรียกว่า โอเว่อร์พาร์ (over par) เช่น
-ถ้าผู้เล่นตีได้ 70 แต้ม เรียกว่า -2 หรือ สองอันเดอร์พาร์ หรือ
-ถ้าผู้เล่นตีได้ 74 แต้ม เรียกว่า +2 สองโอเว่อร์พาร์

หมุดบนเขตตั้งทีที่แสดงสีแตกต่างกันเป็นการเลือกเล่นตามระยะของหลุม นั้นๆ ที่มีระยะความสั้น และความยาวแตกต่างกันกับสีอื่นๆ เมื่อผู้เล่นเริ่มเล่นที่หมุดสีใด จะต้องเล่นตามหมุดสีนั้นๆ จนจบรอบการแข่งขันตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ เช่น
-หมุดสีแดงสำหรับสุภาพสตรี
-หมุดสีขาวหรือสีเหลืองสำหรับสุภาพบุรุษ
-หมุดสีน้ำเงินหรือสีดำสำหรับนักกอล์ฟอาชีพ
ผู้เล่นอาจจะใช้หมุดบนเขตตั้งทีสีใดเพื่อให้การเล่นท้าทายมากขึ้นก็ได้

แต้มต่อ (Handicap)

คำว่าแต้มต่อ หมายถึงระดับความสามารถของนักกอล์ฟสมัครเล่นแต่ละคน ผู้เล่นที่มีแต้มตต่อน้อยกว่า จะมีความสามารถในการเล่นมากกว่าผู้เล่นที่มีแต้มต่อมากกว่า สำหรับนักกอล์ฟอาชีพไม่มีแต้มต่อ แต่ใช้แต้มรวมมาแข่งขัน

สนามกอล์ฟทุกสนามจะมีช่องบอกแฮนดี้แค็ปสเกลของแต่ละหลุม (ช่องที่ระบุคำย่อ H.S. มาจากคำว่า Handicap Scale อ่านว่าแฮนดี้แค็ปสเกล) หมายถึงหลุมที่มีแฮนดี้แค็ปสเกลต่ำที่สุดคือเท่ากับ 1 จะเป็นหลุมที่มีความยากที่สุดตามลำดับถึง 18

นักกอล์ฟที่มีแต้มต่อ สนามจะให้แต้มต่อกับผู้เล่นทำได้ทั้งหมดเรียกว่าแต้มรวม (Gross Score อ่านว่า กรอสสกอร์) หักด้วยแต้มต่อ ก็จะได้แต้มสุทธิ (Net Score อ่านว่า เนทสกอร์) ผู้ที่ได้แต้มสุทธิต่ำสุดคือผู้ชนะการแข่งขัน

ในการแข่งขันแบบนับแต้ม จะต้องนำจำนวนตีที่ผู้เล่นทำได้ทั้งหมดเรียกว่าแต้มรวม (Gress Score อ่านว่า กรอสสกอร์ หักด้วยแต้มต่อ ก็จะได้แต้มสุทธิ (Net Score อ่านว่า เนทสกอร์) ผู้ที่ได้แต้มสุทธิต่ำสุดคือผู้ชนะการแข่งขัน

ในการแข่งขันนับหลุมระห่างนักกอล์ฟที่มีแต้มต่อต่างกัน เช่น แต้มต่อ 18 และ 15 ผู้เล่นที่มีแต้มต่อ 18 จะได้รับการต่อหลุมละหนึ่งแต้มจากหลุมที่ระบุแฮนดี้แค็ปสเกล 1, 2 และ 3 จากผู้ล่นที่มีแต้มต่อ 15 เป็นต้น

การเล่นและการแข่งขัน

การแข่งขันทั่วๆ ไปสำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นจะทำการแข่งขันตามรอบที่กำหนด 18 หลุม ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 วัน แต่การแข่งขันระดับนักกอล์ฟอาชีพหรือแข่งขันชิงแชมป์รายการสำคัญ จะแข่งกันในบางรายการ 3 วันๆ ละ 18 หลุมรวม 54 หลุม บางรายการแข่งขัน 4 วันๆ ละ 18 หลุมรวม 72 หลุม ขึ้นอยู่กับรอบที่กำหนดโดยคณะกรรมการจัดการแข่งขัน

ประเภทการเล่น

การเล่นในกีฬากอล์ฟแบ่งออกเป็นหลายแบบ ในแต่ละแบบก็จะแบ่งย่อยออกเป็นหลายประเภทดังนี้
1. การเล่นแบบนับแต้ม นำจำนวนแต้มรวมของแต้มที่ตีได้ ผู้ที่ตีน้อยครั้งที่สุดเป็นผู้ชนะ

2. การเล่นแบบนับหลุม ผู้ที่ชนะหลุมมากที่สุดเป็นผู้ชนะ การแข่งขันหรือการเล่นแบ่งเป็นประเภทดังนี้
-การเล่นประเภทเดี่ยว คือ การเล่นแบบนับหลุมระหว่างผู้หนึ่งคนกับผู้เล่นอีกหนึ่งคน
-การเล่นประเภทสามคนสองลูก คือ การแบบนับหลุมระหว่างผู้เล่นในฝ่ายที่มีหนึ่งคนกับผู้เล่นอีกฝ่ายที่มีสองคน แต่ละฝ่ายใช้ลูกเล่นหนึ่งลูก
-การเล่นประเภทสี่คนสองลูก คือ การเล่นแบบนับหลุมระหว่างผู้เล่นสองฝ่ายๆ ละสองคน แต่ละฝ่ายใช้ลูกเล่นหนึ่งลูก
-การเล่นประเภทสามคนสามลูก คือ การเล่นแบบนับหลุมระหว่างสามฝ่ายๆ ละหนึ่งคน โดยแข่งพบกันหมด
-การเล่นประเภทลูกดีที่สุด คือ การเล่นแบบนับหลุมระหว่างผู้เล่นหนึ่งคนกับอีกฝ่ายที่มีผู้เล่นสองคนโดย เลือกลูกที่ดีกว่า หรือเล่นกับอีกฝ่ายหนึ่งที่มีผู้เล่นสามคนโดยเลือกลูกที่ดีที่สุด
-การเล่นประเภทสี่ลูก คือ การเล่นแบบนับหลุมระหว่างผู้เล่นสองฝ่ายๆ ละสองคน โดยแต่ละฝ่ายเลือกที่ดีกว่า

3. การเล่นแบบสเตเบิ้ลฟอร์ด เป็นการเล่นแบบนับคะแนนบวกของหลุมที่ทำแต้มได้ เช่น ใช้พาร์ ดู par ของแต่ละหลุมเป็นเกณฑ์ เช่น
-แต้มที่ตีได้เกินพาร์ของหลุมที่เล่นสองแต้ม จะไม่ได้คะแนน
-แต้มที่ตีได้เกินพาร์ของหลุมที่เล่นหนึ่งแต้ม จะได้หนึ่งคะแนน
-แต้มที่ตีได้เท่ากับพาร์ของหลุมที่เล่น จะได้สองคะแนน
-แต้มที่ตีได้ต่ำกว่าพาร์ของหลุมที่เล่นหนึ่งแต้ม จะได้สามคะแนน
-แต้มที่ตีได้ต่ำกว่าพาร์ของหลุมที่เล่นสองแต้ม จะได้สี่คะแนน
-แต้มที่ตีได้ต่ำกว่าพาร์ของหลุมที่เล่นสามแต้ม จะได้ห้าคะแนน
-แต้มที่ตีได้ต่ำกว่าพาร์ของหลุมที่เล่นสี่แต้ม จะได้หกคะแนน
แล้วบวกคะแนนของทุกหลุมในรอบของการแข่งขัน ผู้ที่ทำคะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน


กฎข้อบังคับกีฬากอล์ฟ

Wednesday, February 20, 2008

Golf Basics For Kids


When teaching golf to kids, FUN is the name of the game. Throw in all the technical jargon at the beginning and you will effectively kill a child's desire to learn. Allow a child to "play" golf for enjoyment, and he'll become a life-long convert of the game!

Hours of practice will only overwhelm a child, so just allow him or her to practice a little bit at first, say 30 minutes. This will keep motivation for practice high.

And it's okay to let them start by hitting the ball hard. That's part of the fun! Don't worry about their grip right off the bat. Just have them keep the right hand under the left and then swing away!

I'd also make sure the child keeps his or her feet on the ground while following through.

Now, if you want to buy a child's set of clubs, that's fine, but you're likely to do just as well with a used set of women's clubs. They're lighter and nice for kids. All you need is a women's 9 iron, a 6 iron, 3-wood and a putter.

Let your child start out with little chipping and putting games. This play will help him or her get the feel for the club and the ball. Kids can bounce the ball off the face of a wedge and try hitting leaves or twigs.

Little contests and games keep motivation high. Avoid pressure or competition early on. You want your child to enjoy the game and want to play it every chance they get, not end up so confused and unfocused that they can't figure out what to do and just quit in frustration.

If you're encouraging, your child will love for you to play alongside of them. Just don't start demanding wins and emphasizing competition, or you'll pop the enthusiasm really fast.

Children will move along as they're ready. Letting them progress at their own pace prevents future burnout. Never make a child play the game, unless he wants to. The game should be fun, and a simple joy. Laugh and have a blast yourself!

If your child's interest increases, you might consider golf camp or some private lessons with someone experienced in teaching children. If you do seek a personal instructor for your child, watch how the person teaches first. You really want an encouraging person with a knack for teaching kids.

Also, please remember to teach your child the etiquette of golf. Little things are very important, like: Don't talk while someone else is swinging. Don't step in front of someone while they're swinging. Stand still. Don't walk in front of someone else's line or through line.

Finally, never criticize. Praise their shots and swings. Encourage them to correct certain moves, but don't dwell on what was done incorrectly.

If you concentrate on the most important aspects of golf "the enjoyment and the basics" you may end up with a child who rivals you on the range and who enjoys a lifelong love for the game.

About the author: Steve Johnson is writes on a large variety of subjects and topics. Currently Steve is involved in the new IPTV industry that promises to revolutionize the way you watch TV.

ระบบที่ใช้ในการสอนและหลักสูตรการเรียนการสอน @ REAL ACADEMY

Monday, February 18, 2008

Lady Golf Clubs


Beginner set of golf clubs checks and guidelines for selecting a first set of lady golf clubs. A starter set is not only meant for a beginners. Such a set can also be used for ladies with a high handicap, which means you need more than 100 strokes at a par 72 course. You do not need to purchase a complete ladies set right away. I will explain why below. You could opt for:

* 5-iron
* 7-iron
* 9-iron
* Pitching Wedge - PW
* Sand Wedge - SW
* 3-wood
* 7-wood
* 9-wood
* Putter

With a complete starter set of golf clubs like this you can first explore the possibilities of the clubs as well as become familiar with your own game. And it enables you to handle actually any situation on the golf course. So, maybe you first can start to look at used or preowned woods, irons and wedges to make up a recommended beginner set of golf clubs. And discover what combination of clubs in your bag best fits your needs. Of course, various combinations are conceivable. If you nevertheless still want to have a complete woman golf set right from the beginning, be sure of your play and your swing on the course.

Checklist For Making Up Your Beginner Set Of Golf Clubs

beginner set golf clubs

Choose for high loft - Choose lady golf clubs that are most comfortable to you, and with which you can reach a great distance: irons and woods with a high loft. Loft means, to put it simply, the angle at which the club face is placed to the shaft, expressed in degrees. The higher the loft, the easier it is to get under the ball and to get a higher ball arc.

beginner set of golf clubs

Learn from other golfers how they made up their starter set and how they have improved their game. And do your excercises in the chipping and pitching area with high lofted lady wedges - with a proper lie - that can be rented at your golf centre. If, in the beginning, you hit better when using the lady 7-wood and 9-wood, then leave the 5-iron at home for a couple of weeks.

lady golf club

Additional clubs - If you are a more advanced player, you can add a lady golf driver and a 5-wood. And consider an additional wedge to fill up the gaps in your beginner set of golf clubs - a Lob Wedge, Gap Wedge or an Approach Wedge to further improve your short distance play.

lady golf clubs

Putter - Choose a putter that fully corresponds with your play. A putter of a different brand may work better for you.

lady golf clubs

Grips - Pay attention to the grip sizes and materials of your beginner clubs, and relate the information to your grip technique.

beginner set of golf clubs

Shafts - Pay attention to the shafts of your beginner set of ladies golf clubs. Learn how to handle the slightly longer shafts of the woods on the driving range. Take your time in doing so.

beginner set of golf clubs

Heads - Pay attention to the head sizes and forms, and head material of your beginner set of golf clubs.

Source :
All About Lady Golf Clubs